การแตกหักหรือ fracturing ไฮดรอลิกได้เพิ่มการผลิตน้ำมันในประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1990 Fracking ทำงานโดย fractures หินดินดานซึ่งมีน้ำมันโดยใช้ของเหลวแรงดันประกอบด้วยน้ำผสมกับทรายและสารเคมี ทำให้หินดินดานเกิดการแตกหักทำให้ก๊าซธรรมชาติและน้ำมันซึมผ่านและถูกสกัด
ตามที่ American Enterprise Institute ในช่วงปีพ. ศ. 2533 ถึง 2549 สหรัฐฯผลิต 70 706 quadrillion Btu ของพลังงานซึ่งเพิ่มขึ้นในปีพ. ศ. 2553 สู่ 74.812 พันล้าน Btu และเร่งได้เร็วขึ้นเป็น 78. 091 ในปี 2554 ด้วยรัสเซีย ในตอนแรกสหรัฐอเมริกาได้กลายเป็นผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติรายใหญ่เป็นอันดับสองของโลกและในปี 2014 เอาชนะซาอุดีอาระเบียโดยการเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก
National Geographic และ US Energy Information Administration หรือ EIA รายงานว่าการสกัดน้ำมันได้เพิ่มขึ้นสามเท่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาจากการผลิต 1 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2553 เป็นจำนวนมากกว่า 3 ล้านบาร์เรล ต่อวันในปลายปี 2556 นอกจากนี้การผลิตก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดิบภายในประเทศยังมีอัตราการเติบโตที่สูงเป็นประวัติการณ์ในปีพ. ศ. 2513 ที่ 9 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2557การเพิ่มขึ้นของการผลิตน้ำมันในประเทศทำให้ปริมาณน้ำมันที่นำเข้ามาในสหรัฐฯลดลงจากการนำเข้ามากที่สุดในปีพ. ศ. 2549 ที่ 13.7 ล้านบาร์เรลต่อวันเป็น 6.85 ล้านบาร์เรล ในเดือนมกราคม 2557 นอกจากนี้การส่งออกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นจากระดับต่ำสุดที่ 10 000 บาร์เรลต่อวันในปี 2546 เป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 418,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนตุลาคม 2014