การประเมินมูลค่าตราสารทางการเงินสามารถแสดงได้หลายวิธี สองค่าที่สำคัญที่สุดคือมูลค่าที่ตราไว้และมูลค่าตลาด มูลค่าที่ตราไว้ (Par Value) หรือที่เรียกว่า "มูลค่า" หมายถึงมูลค่าที่ระบุในตราสารเมื่อออก ในทางกลับกันมูลค่าตลาดหมายถึงผู้ลงทุนด้านราคาที่แท้จริงจ่ายสำหรับหลักทรัพย์เหล่านี้ มูลค่าที่ตราไว้จะกำหนดโดยผู้ออกและไม่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่มูลค่าตลาดมีความลื่นไหลและเป็นไปตามจิตวิทยาของตลาด
เมื่อ บริษัท ออกหุ้นกู้หรือหุ้นทุนหลักทรัพย์แต่ละหุ้นมีมูลค่าที่ตราไว้ สำหรับหุ้นกู้มูลค่าที่ตราไว้คือจำนวนเงินที่ บริษัท ผู้ออกต้องจ่ายให้แก่ผู้ซื้อเมื่อครบกำหนดไถ่ถอนพันธบัตร หากมีการซื้อพันธบัตรที่มีมูลค่าตราไว้หุ้นละ 100 เหรียญสหรัฐพร้อมกับวันครบกำหนดหนึ่งปีในอนาคตผู้ถือครองพันธบัตรจะได้รับเงินจาก บริษัท ผู้ออก 100 เหรียญเมื่อสิ้นสุดปีนั้น
มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาทเป็นมูลค่าต่อหุ้นตามที่ระบุไว้ในกฎบัตรของ บริษัท ผู้ออกหลักทรัพย์ นี่เป็นจำนวนเงินขั้นต่ำที่นักลงทุนต้องจ่ายต่อหุ้นเพื่อเป็นเงินทุนของ บริษัท ค่านี้มักจะต่ำมากในการปกป้องผู้ถือหุ้นจากความรับผิดทางการเงินหาก บริษัท อยู่ภายใต้
มูลค่าตลาดของหุ้นกู้และหุ้นจะพิจารณาจากกิจกรรมการซื้อและขายของนักลงทุนทุกรายที่เปิดตลาด สามารถซื้อพันธบัตรได้มากหรือน้อยกว่ามูลค่าที่ตราไว้ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นของตลาด เมื่อครบกำหนดไถ่ถอนผู้ฝากจะได้รับชำระเป็นมูลค่าที่ตราไว้โดยไม่คำนึงถึงราคาซื้อ พันธบัตรที่มีมูลค่าตราไว้หุ้นละ 100 เหรียญที่ซื้อได้ราคา 80 เหรียญจะให้ผลตอบแทน 25% เมื่อครบกำหนด
เนื่องจากหุ้นมักมีค่าที่ใกล้เคียงกับศูนย์มูลค่าตลาดเกือบตลอดเวลาสูงกว่าหุ้นที่ตราไว้ แต่มีความเปลี่ยนแปลงสูง แทนที่จะซื้อหุ้นที่ต่ำกว่ามูลค่าที่ตราไว้ให้นักลงทุนจะสร้างรายได้จากการเปลี่ยนแปลงมูลค่าตลาดของหุ้นเมื่อเวลาผ่านไป